Out of comfort zone
ทริปอวตารร่าง (บทพิเศษ)
ทริปอวตารร่าง (บทพิเศษ)
“อาจารย์คะ พวกหนูอยากเข้าไปในเมืองอ่ะค่ะ
ถ้าจะเข้าไปกันเองนี่ ได้มั้ยคะ”
“พวกคุณจะไปได้ยังไง
คุณเพิ่งมาอยู่กันอาทิตย์เดียวเอง
ไว้ให้รู้ที่รู้ทางดีกว่านี้ก่อนแล้วคุณค่อยไปกันดีกว่า...”
...
“เฮ้ยย มันไปได้เว้ย เชื่อเรา ๆ
เราถามโฮสท์มาแล้ว”
“เสียเงินเท่าไหร่อ่ะ มีเงินไม่เยอะนะ”
“ค่ารถก็ไม่กี่เหรียญหรอก
เดี๋ยวพาไปตลาดขายส่ง เพิ่งไปกะโฮสท์มาวันก่อนเนี่ย ของฝากถูก ๆ ทั้งนั้นเลย”
“เอาจริงกันไปเนี่ย”
“เราไปดวยดิ”
สุดท้ายทริปเขย่าโลกก็เกิดขึ้น
แม้อาจารย์จะค้านอย่างไร แต่พวกฉันก็หาทางวางแผนแอบเข้าเมืองกันไปจนได้ ในแก๊งค์หนีเที่ยวมีสมาชิกสี่คนถ้วน
คือ ฉัน วิว ใบตอง และนัท โดยมีจุดหมายคือตลาด Victoria Park อันเป็นตลาดขายส่งที่มีของฝากให้เลือกมากมาย
(หรืออย่างน้อยเราก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น)
แผนการอันแสนจะดูดีของเราคือ
เดินไปขึ้นรถบัส สาย Go west เข้าเมือง เดินไป Victoria
park ซื้อของราคาถูกคุณภาพดี และเดินกลับ ง่าย ๆ
เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก...
ปอกกล้วยเข้าปากมดน่ะสิ
ณ
ตอนนั้นวิชาเราไม่ได้แก่กล้าอย่างที่อาจารย์พูดไว้นั่นแหล่ะ
เพราะกว่าจะเดินไปถึงถนนใหญ่ก็เมื่อยขาแล้ว
เรายังใช้เวลาในการอ่านแผนที่กลับหัวกลับหางไปอีกหลายนาที
กว่าจะรู้ว่ารถที่ต้องการขึ้นผ่านป้ายนี้ไปแล้ว และต้องรออีกเกือบยี่สิบนาทีกว่ารถคันต่อไปจะมา
จนเมื่อขึ้นรถได้แล้ว เราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะลงที่ป้ายไหน
และป้ายนั้นมันอยู่ตรงไหน อีกกี่ป้ายจะถึง
ด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของเรารวมกัน
เราจึงอวตารสมองรวมกันเป็นก้อนเดียว แบ่งหน้าที่ย่อยตามความถนัดคือ
วิว ผู้เคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาแล้ว
สามารถฟังภาษาอังกฤษและจับใจความได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นผู้รับสาร
ใบตอง ผู้มีสำเนียงอเมริกันชัดแจ๋วทุกคำ
มีคำศัพท์ในคลังมาก พูดแล้วเจ้าของภาษาฟังรู้เรื่อง เป็นผู้ส่งสาร
ประธานหลิว
ผู้มีทักษะในการขายผ้าเอาหน้ารอดสูง
และมีประสบการณ์ในการเดินทางคนเดียวมามากกว่าคนอื่น ๆ เป็นคนวางแผน
นัด ผู้มาเฉย ๆ และอยู่เฉย ๆ
เป็นคนนั่งเฉย ๆ (???)
เราใช้วิธีให้ใบตองถาม
วิวฟังและแปลให้ฉันฟังอีกที เมื่อฉันต้องการถามอะไรต่อฉันก็จะบอกใบตอง ใบตองก็จะถามเป็นภาษาอังกฤษ
พอเขาตอบมา วิวก็จะเป็นคนฟังและแปลให้เพื่อนเข้าใจ
เราถามไปถามมาจนเชื่อว่าเราถามทุกคนบทรถไปแล้ว
และรถเมล์ที่นิวซีแลนด์ไม่มีกระเป๋ารถเมล์เหมือนบ้านเราที่คอยตะโกนบอกว่าที่นี้ป้ายอะไร
จนไม่มีใครให้ถามเพิ่ม เราจึงประมวลคำตอบมารวมกันเพื่อจะไปถึง Victoria
park ให้จงได้
ด้วยการวางแผนที่เป็นหนึ่งในตองอู
เราทั้งสี่คนจึงสามารถลงที่ป้ายรถเมล์และเดินไปถึง Victoria park ได้โดยไม่ได้บอกครูแต่อย่างใด ของใน Victoria park เหมือนกันทุกร้านและราคาเท่า
ๆ กันทุกร้าน ฉันซึ่งไม่ได้มีวิญญาณนักช็อปจึงเดินดูของเล่นไปเรื่อย ๆ
สุดท้ายเมื่อเราได้ของฝากกันแล้ว เราจึงมองหาวิธีกลับเข้าไปที่หมูบ้านเราอีกครั้ง
และพบว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือกว่าจะถึงรถเมล์เที่ยวสุดท้าย ไหน ๆ
ก็เสียเงินมาแล้ว เราสี่คนมองตากันอย่างรู้ใจ
“ไปไหนต่อดีวะ..”
นอกจากแผนที่รถเมล์แล้ว
เราก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเมือง Auckland ใด ๆ
อยู่ในหัวมากนัก ฉันกดดูภาพถ่ายเรื่อย ๆ และสะดุดเข้ากับภาพหนึ่งที่มียอดแหลม ๆ
“หอสูง ๆ นี่มันชื่ออะไรนะ sky ซักอย่างเนี่ย”
“อ๋อ Sky tower ไง
มองจากตรงนี้ก็เห็นนะ...”
บีสอง บีสาม บีสี่ นายคิดเหมือนที่ฉันคิดมั้ย
?
ฉันคิดเหมือนที่นายคิดเลยล่ะบีหนึ่ง!

ยิ่งเดินก็เหมือนยิ่งไกล
แม้เราจะมองเห็น Sky tower ใหญ่ขึ้น ๆ
เป็นสัญญาณว่าเราใกล้ถึงแล้ว แต่ผังเมืองเหมือนเล่นตลก เพราะเราเดินไปติดรั้ว
ติดถนน ติดสะพาน ติดตึก ติดไปหมด เดินอ้อมไปอ้อมมาแล้วก็ยังไม่ถึงซักที
สมองของเรารวมกันเป็นก้อนเดียวอีกครั้ง
ใบตองถามทาง วิวฟังคำตอบ นัทนั่งเฉย ๆ และฉันวางแผนต่อ ด้วยความทุลักทุเล สุดท้าย Sky Tower
ก็อยู่เบื้องหน้าเราแล้ว
Sky tower ไม่ใช่ตึกที่มีไว้สำหรับชมวิวเพียงอย่างเดียว
แต่ภายในเป็นตึกสำหรับธุรกิจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคาสิโน อุปกรณ์สำหรับโดดร่ม
ของที่ระลึกต่าง ๆ วิวและนัทขึ้นไปชมวิวจากด้านบนของ Sky tower ส่วนฉันและใบตองเดินดูของรออยู่ด้านล่างเพราะไม่อยากเสียเงินค่าตั๋วราคาหลายสิบเหรียญ
แม้จะเสียดายโอกาสแต่คำนวณดูเงินที่เหลือในกระเป๋าแล้วก็ช่างมันเถอะ
สุดท้ายก่อนเราจะออกจากตัวเมือง
ท้องเราก็ประท้วงดังจ๊อก ๆ
เพราะนอกจากมื้อเช้าที่บ้านใครบ้านมันมาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเราเลย
เราเดินไปเรื่อย ๆ แล้วเจอร้านอาหารไทย แน่นอนว่าเราคิดถึงอาหารไทยมาก
แต่ราคาอาหารไทยในต่างประเทศนั้นไม่เป็นมิตรอย่างที่รู้ ๆ กัน
“โอ้ย ผัดไทย คิดถึงผัดไทย!”
หนึ่งในกลุ่มพวกเราพูดขึ้นพลางชี้ไปที่ป้ายโฆษณาหน้าร้าน
ผัดไทยคืออาหารที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาอาหารบนป้ายเหล่านั้น และมันมีราคาถึง 11 เหรียญ (240 บาท)
อ่านชัด ๆ อีกครั้ง
สองร้อยสี่สิบบาทถ้วน
เรากลืนน้ำลายเดินผ่านหน้าร้านอาหารไทยไปฝากท้องไว้กับ
Subway
แทน
“มากิน Subway ที่นิวซีแลนด์
ที่เชียงใหม่ไม่มีให้กินเหรอแก”
“แล้วแกจะมากินผัดไทยราคาสองร้อยกว่าบาทเนี่ย
พิษณุโลกไม่มีผัดไทยขายหรือไง?”
“เออว่ะ”
...
เราเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์
ระหว่างทางได้ผ่าน Asian store เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มจึงขอไปเลือกซื้อเครื่องแกงสำเร็จรูปเพื่อจะไปทำอาหารไทยให้โฮมสเตย์ในเย็นนั้น
และในที่สุดฉันก็เจอขุมทรัพย์
“แก มาม่า”
เราตื่นเต้นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหน้าตาเหมือนแบบที่ขายในไทยทุกกระเบียดนิ้ว
พลิกดูราคาและคำนวณดูแล้วมาม่าหนึ่งซองเราต้องจ่ายเกือบสามสิบบาทสำหรับมาม่าหนึ่งซอง
แต่สุดท้ายด้วยความคิดถึงรสอาหารไทย เรายอมควักเงินออกมาเหมามาม่าไปคนละครึ่งโหล
กะว่ากินวันเว้นวันให้พอหายคิดถึงก็จะอยู่ได้ตั้งสองอาทิตย์แหนะ
เด็กไทยสี่คนหอบถุงมาม่าออกมาจาก Asian
store เรารวมสมองกันแล้วอวตารเป็นร่างเดียวอีกครั้งเพื่อถามทางกลับ
ครั้งนี้เราทำงานเป็นทีมได้ลื่นไหลและใช้เวลาน้อยกว่าครั้งแรก
สุดท้ายเราแยกย้ายกันตรงป้ายรถเมล์ป้ายแรกที่เราขึ้นมา
ฉันและใบตองเดินกลับบ้านทางเดียวกัน
“อยู่กันหลาย ๆ คนนี่ดีเนอะ”
“ดียังไงอ่ะ”
“ก็ เหมือนคนมีหลาย ๆ มือหลาย ๆ หัวไง
จะทำอะไรก็ทำได้”
“คนมีหลายมือหลายหัวทำอะไรก็ทำได้จริงเหรอ?”
“...” ไม่มีคำตอบจากใบตอง
“...” ไม่มีคำตอบจากฉันเช่นกัน
เราสองคนเดินกลับบ้านเงียบ
ๆ เพราะเหนื่อยจากการตะลอนทัวร์มาทั้งวัน
“เจอกันพรุ่งนี้เช้านะเดี๋ยวไปหาทีบ้าน”
“อื้อ”
ฉันบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับทัวร์อวตารรวมร่างของเราในวันนั้น
และสุดท้ายก็คิดได้ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นคนที่มีหลายหัวหลายมือ
กับคนที่มีหนึ่งหัวสองมือแต่อยู่ด้วยกันหลายคน
ฉันเลือกจะอยู่ด้วยกันหลายคนดีกว่า...
หลายครั้งที่ฉันเบื่อการสมาคมกับคนอื่น
เพราะเบื่อการต้องมาออกแบบกิจกรรม คำพูด ความคิด
ให้เข้ากับความชอบความพอในของคนหลาย ๆ คน แต่สุดท้ายเมื่อออกจากสถานการณ์เดิม ๆ
ที่เรารู้สึกคุ้นชินไปแล้ว ไปเจอสถานการณ์ใหม่ ๆ อย่างที่ฝรั่งชอบพูดกันเท่ ๆ ว่า Getting
oneself out of comfort zone สิ่งที่เราต้องการที่สุดกลับเป็นใครซักคนที่คอยอยู่ข้าง
ๆ คอยฟังคำศัพท์ยากและอธิบายให้ฟังอย่างวิว คอยพูดแทนเราเหมือนใบตอง
หรือคอยนั่งเฉย ๆ ไปด้วยกันเหมือนนัท เหมือนกับที่ขบวนการเรนเจอร์หลากสีไม่เคยต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพียงคนเดียว
เราต้องการใครซักคนมาอวตารรวมร่างกับเรา
เราต้องการแค่นั้น
(สองสัปดาห์ต่อมาอาจารย์อนุญาตให้พวกฉันเข้าไปในเมืองเองได้และแนะนำแผนการเดินทางให้กับทุกคนในห้อง
ร่างอวตารทั้งสี่ได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น